1. วนอุทยานปราณบุรี

สถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติ ที่นอกจากจะมีชายหาดบรรยากาศสวยงามและสงบเงียบให้เที่ยวชมแล้ว ยังมีเส้นทางให้เดินศึกษาระบบนิเวศป่าชายเลนเป็นระยะทางยาวกว่า 1 กิโลเมตร โดยจัดทำเป็นสะพานไม้ยกระดับ ทางเดินร่มรื่นมีพันธุ์ไม้หลายชนิด สามารถเที่ยวชมและศึกษาเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติ ระบบนิเวศป่าชายเลนอย่างใกล้ชิด บริเวณทางเดินติดตั้งป้ายสื่อความหมายตลอดเส้นทาง บางมุมนี่ น่าเก็บภาพลงไอจี ก็ยังได้

2. หาดปากน้ำปราณบุรี

เป็นหาดที่ผู้คนนิยมเดินทางมากันอย่างต่อเนื่อง ด้วยสภาพทะเลที่เงียบสงบ เหมาะสำหรับคนที่ชอบความเป็นส่วนตัวอย่างยิ่ง แม้น้ำทะเลอาจไม่ใสและมีสีสวย หาดทรายอาจไม่ขาวละเอียด แต่ด้วยบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติ ทำให้นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาพักผ่อนยังชายหาดแห่งนี้ จุดไฮไลท์ที่เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของชายหาด คือ ต้นตาล 3 ต้น ที่ลำต้นเอนเอียงโดดเด่นอยู่ริมหาด นอกจากเป็นจุดถ่ายภาพสุดเก๋แล้ว ยังเป็นที่โปรดปรานของเหล่านักเซิร์ฟสเก็ต นิยมพกเซิร์ฟคู่ใจมาไถเล่น พร้อมไปกับแชะภาพในบริเวณนี้อีกด้วย นอกจากนี้บริเวณชายหาดยังเป็นที่ตั้งของรีสอร์ทมากมาย

3. ถนนคนเดินปราณบุรี

มีความเก่าแก่มากกว่า 200 ปี ยังคงรักษาสภาพความเป็นตลาดเก่าไว้ได้อย่างดี ได้จัดให้มีถนนคนเดินแถวตลาดเก่าปราณบุรี ซึ่งประกอบด้วยร้านค้า ร้านขายของที่ระลึก และบรรดาบ้านเรือนที่เรียงรายอยู่ และได้พร้อมใจกันปรับปรุงและรักษาให้กลายเป็นถนนคนเดินปราณบุรีในบรรยากาศย้อนยุค ให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสกลิ่นอายของวันวาน ในรูปแบบของความเป็นไทยตามวิถีชีวิตชาวบ้านแบบดั้งเดิม ยังคงไว้ซึ่งความเป็นอัตลักษณ์แห่งวิถีชีวิตชุมชนชาวปราณบุรี ใครที่ชอบเดินถนนคนเดินที่ไหน ที่นี่ก็มีให้คุณเดินได้เช่นกัน

4. วัดเขาช่องกระจก

วัดที่ตั้งบนเขาริมทะเล ใจกลางเมืองประจวบ ที่มีที่มาว่า ยอดเขาจะมีช่องทะลุคล้ายกรอบกระจก จนชาวบ้านเรียกสถานที่นี้ว่า "เขาช่องกระจก" นับตั้งแต่นั้นมา ภายบนยอดเขาจะประดิษฐานพระพุทธบาทจำลองและพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ได้เสด็จมาประกอบพิธีบรรจุด้วยพระองค์เอง เมื่อปี พ.ศ.2501 นับเป็นแหล่งยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวประจวบคีรีขันธ์ เป็นอย่างมาก

5. ชายหาดอ่าวมะนาว

ตั้งในเขต อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ที่อยู่ในการดูแลของกองบิน 53 กองทัพอากาศ เป็นหาดทรายขาว สะอาดตา มีร้านอาหารทะเล และโรงแรมหรู ราคาเป็นมิตรไว้ให้บริการ ซึ่ง ณ ที่แห่งนี้ มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ชาติไทย ไม่แพ้ที่ไหนๆ เพราะที่แห่งนี้ เป็นสมรภูมิเดือดในยุคสงครามโลก ครั้งที่ 2 ระหว่าง กองทัพอากาศไทย กับ กองกำลังทหารญี่ปุ่น ที่ยกพลขึ้นบก เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ.2484 ซึ่งจะมีการรำลึกเป็นประจำทุกปี

6. สะพานสราญวิถี

สะพานปลาสีแดง อันเก่าแก่ของ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่สามารถเห็นวิวทะเลอันกว้างใหญ่ของอ่าวประจวบคีรีขันธ์ ได้เต็มตา และสูดอากาศจากลมทะเลเข้าไปอย่างเต็มปอด หากชอบถ่ายรูปก็ไปถ่ายมาเยอะๆ ละ นอกจากนี้ในทุกวันศุกร์ และ วันเสาร์ จะมีถนนคนเดินประจวบ ใกล้ๆ สะพานสราญวิถี ตั้งแต่เวลา 17.00 – 23.00 น. ที่จะมีอาหารให้เลือกซื้อรับประทานกันมากมาย